เมีย ‘บังด้อล’ เผยทั้งน้ำตา คิดไม่ถึงว่าผัวจะฆ่าน้องสาวที่สนิท

เมีย ‘บังด้อล’ เผยทั้งน้ำตา คิดไม่ถึงว่าผัวจะฆ่าน้องสาวที่สนิท

จากกรณีที่พบศพน.ส.ปริศนา หรือ แต อายุ 18 ที่ถูกฆ่าหมกป่าในซอยสุวินทวงศ์ 24 ในเขตมีนบุรี ในสภาพเปลือยท่อนล่าง และผู้ต้องสงสัยคือ นายยุติพงษ์ สุขเจริญ หรือ ด้อล อายุ 22 ปียอมรับสารภาพว่า ตนร่วมกับเพื่อน 4-5 คนได้รุมฆ่าผู้ตาย ล่าสุด วานนี้ (13 ก.ย.) น.ส.รจนา อายุ 18 ปี ภรรยาของนายยุติพงษ์ ออกมาเผยหลังทราบข่าว ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ก.ย. สามีได้โทรมาบอกให้รีบกลับไปหา เมื่อไปหาก็เจอว่านายยุติพงษ์นั่งอยู่ตรงจุดเกิดเหตุเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ไปตามหาผู้ตายกันหมด เพราะตอนนั้นทุกคนรู้แล้วว่า น.ส.ปริศนาหายตัวไป

ตนได้พาสามีกลับบ้าน ต่อมา นายยุติพงษ์เล่าให้ตนฟังว่าน.ส.ปริศนาโทรศัพท์มาหาว่า หิว 

แต่นายธวัชชัย ตำราเรียง สามีของน.ส.ปริศนา ยังไม่กลับมาจึงยังไม่ได้กินข้าว นายยุติพงษ์จึงพาไปกินข้าว และเมื่อไปถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ก็ได้ซื้อข้าวเหนียวไก่ และเจอกับตำรวจ นายยุติพงษ์จึงบอกให้น.ส.ขึ้นรถหนีเพราะตนเสพยาเสพติดอยู่จึงกลัว และได้ขี่รถพาน.ส.ปริศนาไปที่ซอยเกิดเหตุ

นายยุติพงษ์ยังเล่าต่ออีกว่า ขณะที่อยู่ในซอย เหมือนมีอะไรมาปาดหน้า ก่อนจะมีคน 4-5 คนมารุมทำร้ายตนจนรถล้มทับขาและโดนเหยียบทั้งที่หน้าและหน้าอก ส่วนน.ส.ปริศนาก็วิ่งหนีไป ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนั้น ก็วิ่งตามไปพร้อมทั้งบอกว่า รีบตามเผื่อผู้ตายมีกระเป๋าเงิน

น.ส.รจนา เล่าว่า นายยุติพงษ์ได้โทรหาสามีของน.ส.ปริศนา ให้มาช่วยเหลือ ซึ่งสามีของน.ส.ปริศนาก้มาแต่หาตัวน.ส.ปริศนาไม่พบ ตนเห็นว่า ขณะที่สามีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง สามีมีอาการปกติมาก ไม่ได้มีพิรุธอะไร อีกทั้ง ยังพาตนไปซื้อของกินข้าว โดยไม่มีท่าทีว่าฆ่าคนตายแล้วหนีแต่อย่างใด

ตนได้ถามย้ำกับสามีว่าได้ไปทำอะไรมาหรือไม่ แต่สามีก็ตอบว่า “ไม่ได้ทำ กูจะทำทำไม นี่น้องสาวกู” โดยน.ส.รจนา เล่าว่าทั้งตนและสามีสนิทกับผู้ตายมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ตนเองคบกับสามีมา 3 ปี และเห็นว่าปกติสามีไม่ใช่คนอารมณ์รุนแรง แม้จะเป็นคนโกรธและหงุดหงิดง่าย แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครขนาดนี้

 “ตอนแรกไม่เชื่อเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ ถ้าจะทำเขา ไม่ทำหนูดีกว่าหรอ ทำไมต้องไปทำเขา เขาผิดอะไร ทำไมต้องไปเจาะจงที่เขา ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ส่วนตอนนี้อาการของนายยุติพงษ์เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เพราะหนูไปเยี่ยมแล้ว แต่หมอยังไม่ให้เข้าเยี่ยม” น.ส.รจนา กล่าว

“ตอนแรกไม่เชื่อเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ ถ้าจะทำเขา ไม่ทำหนูดีกว่าหรอ ทำไมต้องไปทำเขา เขาผิดอะไร ทำไมต้องไปเจาะจงที่เขา ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ส่วนตอนนี้อาการของนายยุติพงษ์เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เพราะหนูไปเยี่ยมแล้ว แต่หมอยังไม่ให้เข้าเยี่ยม” น.ส.รจนา กล่าว

เปิดนาทีสยอง กระบะส่งของบริษัทดัง ข้ามทางรถไฟ โดนอัดลากยาว 200 เมตร

วันนี้ (14 ก.ย.) เกิดอุบัติเหตุบริเวณทางรถไฟบ้านโป่ง-ราชบุรี โดยรถกระบะส่งของของบริษัทชื่อดังได้ลักไก่ขับข้ามลัดทางรถไฟ และไม่ได้สังเกตว่ามีรถไฟกำลังแล่นมาด้วยความเร็ว ก่อนจะชนเข้าอย่างจังและลากรถกระบะคันดังกล่าวไปไกลประมาณ 200 เมตร

หลังจากเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบว่า ขบวนรถไฟนี้ เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่ 909 ธนบุรี-น้ำตก โดยไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากฝั่งรถไฟ อย่างไรก็ตาม รถกระบะส่งของคันดังกล่าวอยู่ในสภาพพังยับเยิน และด้านในรถพบคนขับเป็นพนักงานชายของบริษัทส่งของดังกล่าวอายุ 37 ปีหมดสติคาพวงมาลัยอยู่

หน่วยกู้ภัยได้นำร่างหมดสติของชายคนดังกล่าวส่งโรงพยาบาลบ้านโป่งอย่างเร่งด่วน แต่แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล จากคลิปวีดิโอเหตุการณ์ เผยให้เห็นว่า ทางข้ามรถไฟนั้นอยู่ห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุมาไม่ไกลนัก แต่รถกระบะส่งของกลับเลือกที่จะใช้วิธีลัดข้ามในจุดที่ไม่ใช่ทางข้ามซึ่งก่อให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว

เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตำรวจสน.ท่าข้ามได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 1 ถนนอนามัยงามเจริญ ซอย 10 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านในแบ่งเป็นห้องให้เช่า จำนวน 11 ห้อง และพบศพ น.ส.ฐานิดา ภูแข็ง อายุ 37 ปี อาชีพขายลูกชิ้นปิ้ง นอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีม่วง คลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียว นุ่งกางเกงขาสั้นส่วนสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าเหนือคิ้วขวา 1 นัด

นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ น.ส.ธันย์ชนก อุปพงษ์ อายุ 19 ปี ลูกสาวผู้ตาย ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นปวส. ปีที่ 1 ที่วิทยาลัยพณิชยการเชตุพน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ลำคอ 1 นัด และลำตัว 1 นัด อาการสาหัส โดยถูกนำตัวส่งรพ.บางมดแล้ว

ด้านน.ส.มันตา ภูแข็ง อายุ 33 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายจักรกฤษณ์ แย้มเสม อายุ 37 ปี สามีของตน โดยก่อนหน้านี้ตนและสามีพักอยู่อีกที่ แต่ระยะหลังตนมีปากเสียงกันบ่อย เรื่องที่ระแวงว่าตนจะไปมีคนอื่น ตนจึงออกมาพักกับพี่สาวที่บ้านหลังนี้

ก่อนเกิดเหตุ สามีตามมาง้อตน และเกิดมีปากเสียงกัน พี่สาวตนทนไม่ได้ก็ออกมารับหน้าแทนและเกิดการเถียงกันขึ้นจนทะเลาะกัน นายจักรกฤษณ์ใช้ปืนที่พกมาด้วยยิงพี่สาวของตนล้มลง แล้วหันปืนไปทางญาติๆ ที่อยู่กันหลายคน จากนั้นก้ยิงออกมาอีกหลายนัดจนหมดโม่ ทำให้กระสุนโดนหลานสาวของตนซึ่งเป็นลูกสาวของพี่สาวตนนั่นเอง