กทม.จ่อยกเลิกแผงลอยบนทางเท้า ขีดเส้นตายสิ้นปีนี้

กทม.จ่อยกเลิกแผงลอยบนทางเท้า ขีดเส้นตายสิ้นปีนี้

วานนี้ (14 ก.ย.) นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับนโยบายจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กทม. หลังจากได้มีการยกเลิกไปแล้ว 508 จุดก่อนหน้านี้ และกำลังอยู่ระหว่างรอดำเนินการอีก 175 จุดในพื้นที่ของ 19 สำนักงานเขต โดยคาดว่าน่าจะสามารถดำเนินการยกเลิกได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 2562 นี้

โดยการดำเนินการดังกล่าว ได้มีการประสานสำนักงานเขตทุกแห่งให้จัดประชุมเพื่อชี้แจงกับกลุ่มผู้ค้า พร้อมทั้งเยียวยาช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาสถานที่ใหม่เพื่อรองรับ 

ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 พื้นที่ และสามารถรองรับผู้ค้าได้มากถึง 12,000 แผง และจะมีการต่อรองกับทางสถานที่เพื่อต่อรองเจรจาลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ค้าที่สมัครใจย้ายแผงไปขายในพื้นที่เอกชน

ด้านผู้ค้าย่านถนนเพชรบุรีที่ทางกทม.เพิ่งมีคำสั่งยกเลิกแผงลอยไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าบางส่วนได้เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแล้ว เนื่องจากพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่จัดให้ใหม่ขายไม่ดี และก็มีบางส่วนแอบลักลอบกลับมาขายจุดเดิม เพราะขายไม่ดีและแต่ต้นทุนการเช่าพื้นที่กลับสูงขึ้น ทางผู้ค้าจึงอยากให้ทางภาครัฐทบทวนมาตรการดังกล่าว โดยแนะนำให้ผ่อนผันเป็นรายพื้นที่ หรือเปลี่ยนเป็นกำหนดช่วงเวลาขายตามความเหมาะสมแทนการห้ามขาย

วานนี้ (15 ก.ย.) มีรายงานเหตุประตูเก็บสัมภาระของรถบัสทัวร์จีนคันสีขาว เกิดเปิดออกมาเองกะทันหันขณะรถกำลังวิ่ง ทำให้ขอบประตูบาดคอคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่วิ่งสวนทางมาลึกประมาณ 1-2 นิ้ว และเสียชีวิตทันที โดยเหตุดังกล่าวเกิดภายในซอยศรีนครินทร์ 40 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.

ผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือ นายสวัสดิ์ พึ่งคร้ามรู้ อายุ 63 ปี ซึ่งยังสวมเสื้อวินจักรยานยนต์รับจ้าง และมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ มีเลือดออกมาจากแผลจำนวนมาก ส่วนรถบัสคันดังกล่าวนั้นติดป้ายทะเบียน THAILAND 33-6760 กรุงเทพมหานคร

ตำรวจเผยว่า ผู้ตายนั้นรับจ้างขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในซอยศรีนคริทร์ 40 มานานกว่า 2 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. นั้น ผู้ตายขับวินจักรยานยนต์จากคอนโด ตรงซ.สุภาพงศ์3 แยก 5 ไปส่งผู้โดยสารที่ปากซอยศรีนครินทร์40 และขากลับก็ขับมาถึงกลางซอยซึ่งรถบัสคันดังกล่าววิ่งสวนมา โดยประตูข้างสำหรับสัมภาระนั้นเปิดออกเองกระทันหัน ซึ่งอาจเกิดจากเกลียวหลุดหรือขอล็อกไม่สนิท ทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น

สาวใหญ่แสบ ปลอมลายเซ็นพล.อ.สุรยุทธ์ จดทะเบียนรถ FIAT

วันนี้ (15 ก.ย.) ตำรวจได้รวบตัว น.ส.นาถลดา ศรีสมัย อายุ 55 ปี ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม รวมถึงปลอมและใช้ดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมือง ขององค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน หลังสืบทราบว่า น.ส.นาถลดา ได้ปลอมลายมือชื่อพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เพื่อจดทะเบียนรถของรถยนต์ยี่ห้อ FIAT สีเขียว ทะเบียน ฆย 1013 กทม.

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5 บก.ป. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2560 มีเอกสารจากสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ส่งมาที่บ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และแจ้งว่าให้ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถ และให้นำใบคู่มือจดทะเบียนรถของรถยนต์คันดังกล่าวมาบันทึกการระงับทะเบียนรถ เนื่องจากรถคันดังกล่าวได้ค้างชำระภาษี ติดต่อกันมาครบ 3 ปีแล้ว ทำให้ต้องระงับการจดทะเบียนรถตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบเอกสารที่ส่งมา และพบว่ามีการปลอมแปลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ รวมถึงปลอมแปลงบัตรประจำตัวองคมนตรี และสำเนาทะเบียนบ้าน ของพล.อ.สุรยุทธ์ ทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่สน.บางซื่อ

ต่อมาตำรวจได้สืบทราบตัวผู้ปลอมแปลงและใช้เอกสารดังกล่าวไปจดทะเบียนรถ จึงได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติศาลเพื่ออกหมายจับ น.ส.นาถลดา ก่อนจะมาจับกุมได้ในวันนี้

ขณะนี้ น.ส.นาถลดา ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ประกอบอาชีพรับจ้างเป็นตัวแทนจดทะเบียนรถกับกรมขนส่งทางบก และมีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีฉ้อโกง และมีความผิดในพรบ.เช็ค มาแล้วถึง 6 คดี จึงสามารถเชื่อได้ว่า น.ส.นาถลดา เคยก่อคดีรูปแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง

ตำรวจระบุว่า หากผู้เสียหายรายใดสงสัยว่าอาจจะเคยถูกผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสาร สามารถประสานข้อมูลมาได้ที่กก. 5บก.ป ทันที โดยได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนของสน.บางซื่อ สอบขยายผลการจับกุมแล้ว

คดีที่ 5 จับกุมตัว นายชัยสิทธิ์ หรือต้น ชูสวัสดิ์ อายุ 37 ปี และ นายพงศกร หรือพงษ์ พันธุวารี อายุ 30 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนัก 6.65 กรัม ยาบ้า จำนวน 143 เม็ด กระสุนปืน จำนวน 12 นัด เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล 1 เครื่องโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ตรวจยึดตาม พรบ.มาตรการฯ รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คันโดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่1 เพิ่มเติมว่า “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” สามารถจับกุม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

credit : starklaptops.com steveoakley.net termlifeinsuranceratesskl.com tippiesdad.com tissagesdelaigle.com tolkienreadingday.net trssp.org universduflow.com vwgrouplitigation.com